ฟุตซอลไทยฝึกซ้อมเตรียมรับมือทีมตราไก่ "มิเกล-อิทธิชา"ตั้งเป้าพาทีมล้มฝรั่งเศส หวังเขียนนิยายบทใหม่ ณ สนาม โอลิมปิก แอนด์ พาราลิมปิก เทรนนิ่งเซ็นเตอร์ เมืองบูคารา ประเทศอุซเบกิสถาน ฟุตซอลทีมชาติไทยลงฝึกซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย กับทีมชาติฝรั่งเศส การฝึกซ้อมครั้งนี้ มิเกล โรดริโก้ นำลูกทีมกลับมาฝึกซ้อมอีกครั้งหลังฟื้นฟูร่างกายที่โรงแรม โดยเน้นที่การเล่นเป็นทีมทั้งเกมรุกและเกมรับ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที ก่อนการฝึกซ้อม มิเกล โรดริโก้ กล่าวว่า “การเจอกับฝรั่งเศสถือเป็นเกมที่หนัก เหมือนกับเกมที่เราเจอกับโครเอเชีย เขามีผู้เล่นที่รูปร่างสูง แข็งแรง และมีทักษะเฉพาะตัวที่ดี แต่รูปแบบการเล่นแท็คติกจะแตกต่างจากโครเอเชีย รวมถึงนักเตะหลายคนของเขาเล่นอยู่ในลีกสเปน ถ้าเรามีความพร้อมและเล่นได้เหมือนกับเกมเจอโครเอเชีย ก็มีโอกาสที่จะสู้ได้” “เรามีเวลา 4 วันในการเตรียมความพร้อม เตรียมแท็คติกก่อนเกมเจอกับฝรั่งเศส นัดนี้เราต้องมีมาตรฐานการเล่นที่สูงเพื่อที่จะชนะให้ได้ นักเตะทุกคนในทีมมีความมุ่งมั่นสูง เพราะอยากสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับฟุตซอลไทยในการเข้ารอบ รวมถึงทีมงานสต๊าฟโค้ชก็ช่วยทำงานกันอย่างหนักในการหาข้อมูลมาวางแผนการเล่นกับฝรั่งเศสให้ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จของฟุตซอลทีมชาติไทยในการเข้ารอบต่อไป” ด้าน อิทธิชา ประภาพันธ์ กล่าวว่า “ผมคิดว่าฝรั่งเศสเป็นทีมที่ดี เป็นการเจอกับทีมจากยุโรปอีกครั้ง พวกเขามีร่างกายคล้ายกับโครเอเชียที่เราเจอมาในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม เราต้องช่วยกันเล่นเกมรับให้ดีมากกว่าเดิม และหาโอกาสสวนกลับขึ้นไปลุ้นยิงประตู” “ในรอบ 16 ทีมผมตั้งเป้าที่อยากจะเก็บชัยชนะเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้กับฟุตซอลไทย แต่ก็ต้องโฟกัสในเกมที่จะเกิดขึ้น เชื่อว่าทุกคนในทีมจะไม่ประมาทและช่วยกันเล่นอย่างเต็มที่” โปรแกรมนัดต่อไป ฟุตซอลชายทีมชาติไทย จะลงสนามในเกมฟุตซอลโลก 2024 รอบ 16 ทีมสุดท้าย พบกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ณ สนาม บูคารา ยูนิเวอร์เซล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ ในวันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง T Sports 7
มานูเอล นอยเออร์ ไม่มีส่วนร่วมกับเกมบุกขยี้ทีมนางนวลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากทีมเสือใต้ไม่ต้องการเสี่ยงให้นายทวารวัย 38 ปีบาดเจ็บเพิ่มเติมเท่านั้น มักซ์ เอเบิร์ล ผู้อำนวยการกีฬาของ บาเยิร์น มิวนิค ยืนยันว่าการพักใช้งาน มานูเอล นอยเออร์ ในเกมล่าสุดที่บุกขยี้ แวร์เดอร์ เบรเมน 5-0 เนื่องจากไม่ต้องการเสี่ยงทำให้นายทวารวัย 38 ปีต้องบาดเจ็บหนักจนต้องพักยาว ตามรายงานจาก สกาย เยอรมนี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอยเออร์ ถูกถอดออกจากสนามในช่วงพักครึ่งของเกมขย่ม ดินาโม ซาเกร็บ 9-2 บนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนายทวารวัย 38 ปีรู้สึกเจ็บเล็กน้อยบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา โดยมี สเวน อุลไรช์ ลงเฝ้าเสาแทน เช่นเดียวกับเกมเยือนทีมนางนวลบนเวทีบุนเดสลีกาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากทีมเสือใต้ไม่ต้องการเสี่ยงให้อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมนีต้องพักนานกว่าเดิม ก่อน เอเบิร์ล จะเปิดเผยว่าอาการบาดเจ็บของ นอยเออร์ ไม่มีอะไรร้ายแรงเพียงแต่ทีมเสือใต้พักร่างนายทวารวัย 38 ปีเพื่อให้ฟื้นตัวเต็มที่เท่านั้น 'ไม่มีอะไรร้ายแรง เขารู้สึกไม่สบายเล็กน้อยเท่านั้น เราจึงไม่อยากเสี่ยง เพราะถ้าเขาบาดเจ็บเพิ่มเติมและอาจต้องพักนาน 8 หรือ 9 สัปดาห์ เราจึงไม่ต้องการเสี่ยง' เอเบิร์ล กล่าว
จอห์น สโตนส์ กลายเป็นฮีโร่ของ แมนฯ ซิตี้ เมื่อลงสำรองมาพังประตูตีเสมอ อาร์เซน่อล ที่ต้องเล่น 10 ตัวตลอดทั้งครึ่งหลัง 2-2 ในนาทีที่ 90+8 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมนฯ ซิตี้ 2 - อาร์เซน่อล 2 สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม เล่นมาได้ 9 นาที แมนฯ ซิตี้ ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ ซาวินโญ่ จ่ายตามช่องให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เกี่ยวหลุดเดี่ยวไปจิ้มสวนตัว ดาบิด ราย่า เข้าไปตุงตาข่าย แต่นาทีที่ 21 เรือใบ ต้องเปลี่ยนตัวเร็ว เมื่อ โรดรี้ เอร์นานเดซ ได้รับบาดเจ็บหนักจนเล่นต่อไม่ไหว มาเตโอ โควาซิช เลยถูกส่งลงมาแทน และแค่นาทีถัดมา อาร์เซน่อล ก็ตีเสมอ 1-1 ทันทีจากการฉวยโอกาสเล่นเร็วแบบที่ ซิตี้ ไม่ทันตั้งตัว กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทะลุมาทางกราบซ้ายแล้วลากจี้ตัดเข้ากลางก่อนไหลย้อนมาหน้าเขตโทษให้ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ วิ่งมาใส่ด้วยซ้ายแบบไม่จับ บอลพุ่งวาบเสียบเสาไกลสุดสวย นาทีที่ 45+1 กลายเป็น ปืนใหญ่ ที่แซงนำ 2-1 บูคาโย่ ซาก้า เปิดเตะมุมด้านขวาโค้งมาเสาไกลให้ กาเบรียล มากัลเญส ขึ้นโขกจ่อๆ ตุงตาข่าย ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 45+8 มีเรื่องให้ต้องถกเถียงกันอีกครั้ง เมื่อ ทรอสซาร์ ไปกระแทกใส่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา แล้วเหมือนจังหวะต่อเนื่องไปเตะบอลทิ้ง ผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ แจกใบเหลืองที่สองข้อหาถ่วงเวลาเป็นใบแดงไล่ ทรอสซาร์ ออกไปเลย หมดครึ่งแรก ปืนใหญ่ บุกมานำ 2-1 แต่ต้องเหลือ 10 คน ในครึ่งหลัง ซิตี้ บุกหนัก นาทีที่ 59 ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้ตั้งป้อมเปิดจากฝั่งขวา ฮาแลนด์ เทกตัวโหม่งกดลงพื้น แต่ ราย่า ก็ซูเปอร์เซฟได้สุดยอด อีก 3 นาทีถัดมา เรือใบ เกือบตีเสมออีกครั้ง ปาร์เตย์ สกัดบอลไม่ขาด ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ได้ยิงด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่ ราย่า ก็ยังเซฟได้สุดยอดอีกครั้ง แมนฯ ซิตี้ บุกแทบจะข้างเดียว นาทีที่ 87 ได้ลุ้นอีกครั้ง จากลูกยิงด้วยเท้าซ้ายของ กวาร์ดิโอล แต่ ราย่า ก็ยังล้มตัวไปเซฟได้ไวมาก เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ ปืนใหญ่ อยู่แล้ว แต่เจ้าถิ่นมาตีเสมอได้ในนาทีที่ 90+8 จากการเล่นเตะมุมสั้น บอลย้อนมาหา แจ็ค กรีลิช อีกครั้งแล้วไหลย้อนคืนมาให้ โควาซิช ยิงไปติดบล็อค แต่กลายเป็นเข้าทาง จอห์น สโตนส์ ตัวสำรองซ้ำเข้าประตูไป จบเกม แมนฯ ซิตี้ เสมอ อาร์เซน่อล แบบสนุกดุเดือด 2-2 รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน - ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อคานจี, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล - โรดรี้ เอร์นานเดซ, อิลคาย กุนโดกัน - ซาวินโญ่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เฌเรมี่ โดกู - เออร์ลิง ฮาแลนด์ อาร์เซน่อล : ดาบิด ราย่า - เยอร์เรียน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลีบา, กาเบรียล มากัลเญส, ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ - บูคาโย่ ซาก้า, โธมัส ปาร์เตย์, เดแคลน ไรซ์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ - ไค ฮาแวร์ตซ์, เลอันโดร ทรอสซาร์
รุย เปโดร ซิลวา ผูัช่วยผู้จัดการทีม ฟอเรสต์ ยืนกรานว่าไม่อยากพูดเรื่องใบแดงที่ทั้ง มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ และ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต กุนซือของทีมได้รับ ระหว่างเกมบุกเสมอ ไบรท์ตัน 2-2 เปโดร ที่ลงมาเป็นตัวสำรองหลังเพิ่งหายเจ็บกลับมาถูกปะทะหนักโดน กิ๊บบ์ส-ไวท์ ซึ่งส่งผลให้กองกลาง ฟอเรสต์ โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ขณะที่ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต กุนซือชาวโปรตุเกสของทีมเยือนที่ประท้วงก็โดนใบแดงด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่ามันเป็นช่วงที่เราจบเกมแบบเต็มไปด้วยอารณ์อย่างมาก ในช่วงเวลาของการต่อสู้เพื่อที่จะไม่แพ้" "ผมไม่สามารถตัดสิน (ใบแดง) มันได้ในตอนนี้" "ในตอนนี้กับเกมนั้นเป็นอะไรที่ดีมาก มีเรื่องอื่นให้พูดถึงแทนที่จะเป็นเรื่องใบแดง" "ในฐานะทีม เราเล่นเพื่อชัยชนะ แต่นี่คือสนามที่ยากต่อการมาเยือน หนึ่งแต้มก็แฟร์ดี" "วิธีที่เราปลี่ยนเกมโดยมีตัวสำรองลงมา เราควบคุมเกมได้มากกว่า และมีโอกาสมากกว่า"
กาสเตโย่ ลูเกบา กองหลัง แอร์เบ ไลป์ซิก คือเซนเตอร์แบ็กรายล่าสุดที่ถูกเชื่อมโยงกับ เรอัล มาดริด เพื่อเอามาเสริมทัพอย่างเร็วสุดตลาดมกราคม 2025 รายงานจาก ‘มาร์ก้า’ ว่า มาดริด มีตัวเลือกตำแหน่งเซนเตอร์จำกัดเฉพาะ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ เอแดร์ มิลิเตา เท่านั้น เนื่องจาก ดาวิด อลาบา ฟื้นตัวช้าจากการบาดเจ็บเอ็นไขว้เข่าด้านหน้าฉีกขาด ส่วน เฆซุสบาเยโฆ ยังมีปัญหาเรื่องสภาพร่างกายเช่นเดียวกันและยังไม่ได้รับความไว้วางใจมากนักจากเทรนเนอร์ คาร์โล อันเชล็อตติ นั่นทำให้ ‘ราชันชุดขาว’ กำลังพิจารณาเซ็นสัญญากับผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์เพิ่มเติมโดยมีชื่อ ลูเกบา ในชอร์ตลิสต์ ทีมส่งแมวมองไปดูฟอร์มเกมชปล.พบ แอต.มาดริด เมื่อกลางสัปดาห์ที่แพ้ 1-2 นักเตะวัย 21 ปีเหลือสัญญาถึง มิ.ย. 2028 ราคาประเมิน 40 ล้านยูโร ตัวเลือกพิจารณาของ มาดริด มีมากหน้านอกเหนือจากดาวเตะเฟร้นช์แมนก็มี คริสเตียน โรเมโร่ ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, วิลเลียม ซาลีบา ของ อาร์เซน่อล และ ยาเร็ค กาซีโอรอฟสกี้ แห่ง บาเลนเซีย ด้วยเช่นกัน
ไบรท์ตัน กับ ฟอเรสต์ ยังเป็นสองทีมที่รักษาสถิติไม่แพ้ใครในฤดูกาล 2024-25 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อแบ่งแต้มกันสุดมันที่ ดิ เอเม็กซ์ ผล 2-2 พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไบรท์ตัน 2- ฟอเรสต์ 2 ผู้ทำประตู : 0-1 วู้ด (จุดโทษ) น. 13, 1-1 ฮินเชลวู้ด น.42, 2-1 เวลเบ็ค น.45, 2-2 โรซ่า น.70 ใบแดง : กิ๊บบ์ส์-ไวท์ (ฟอเรสต์) น.83 สนาม : ดิ เอเเม็กซ์ ฟาเบียน เฮอร์เซเลอร์ กุนซือชาวเยอรมันของเจ้าถิ่นไม่มีกองหน้า ชูเอา เปโดร ไม่ 100% เป็นสำรอง ต้องให้ จอร์จี้ รุตแตร์ ป้อนหอกเป้า แดนนี่ เวลเบ็ค ด้าน นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต บอส ‘เจ้าป่า’ ตกรางวัลฮีโร่นัดก่อน คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่ยิงประตูชัยใส่ ลิเวอร์พูล ลงเป็น 11 คนแรก เป็นทีมเยือนเรียกจุดโทษนาที 11 การ์ลอส บาเลบา เข้าหลวมใส่ ฮัดสัน-โอดอย เป็นลูกฟาวล์ในกรอบ มือสังหาร คริส วู้ด ยิงเข้ามุมซ้ายล่าง ฟอเรสต์ ขึ้นนำ 1-0 แต่ก่อนหมดครึ่งแรก 3 นาที ไบรท์ตัน ตีเสมอ 1-1 บอลครอสจากฝั่งซ้ายโค้งหาประตูของ คาโอรุ มิโตมะ ถึง แจ็ค ฮินเชลวู้ด โหม่งเต็มแรง ทิศทางเยี่ยมหมดสิทธิที่ มัตซ์ เซลส์ ป้องกัน เท่านั้นไม่พอ ‘นางนวล’ แซงนำ 2-1 ได้ฟรีคิก 23 หลาเยื้องฝั่งซ้าย เวลเบ็ค ปั่นเสียบใต้คานนาที 46 จบครึ่งแรกผลนี้ กลับมาเล่นต่อเจ้าถิ่นนวดอยู่ดีๆมาถูกตีเสมอ 2-2 นาที 70 เมื่อ โชต้า ซิลวา ได้เลี้ยงโต้กลับจากกลางสนามหาเขตโทษแล้วไหลขวางถึง รามอน โซซ่า วางเท้ายิงจาก 6 หลาไม่พลาด ท้ายเกมเดือด มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ กองกลาง ฟอเรสต์ ถูกเหลือง-แดง ไล่ออกนาที 83 เพราะเข้าหนักจังหวะแย่งบอล เกิดการโต้เถียงของผจก.ทีมทั้งสองฝ่ายถูกไล่ออกทั้งคู่ จบเกมเสมอ 2-2 มีเพิ่มเป็นทีมละ 9 คะแนน เท่ากับผ่าน 5 แมตช์เดย์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังไม่ลิ้มรสความพ่ายแพ้ รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม ไบรท์ตัน : บาร์ต แฟร์บรู๊กเก้น - โยเอล เฟลท์มัน, ยาน-พอล ฟาน เฮ็คเค่, ลูอิส ดังค์, เปลวิส เอสตูปีนญาน - การ์ลอส บาเลบา, แจ็ค ฮินเชลวู้ด- ซิมง อาดินกร้า, จอร์จี้ รุตแตร์, คาโอรุ มิโตมะ - แดนนี่ เวลเบ็ค ฟอเรสต์ : มัตซ์ เซลส์ - โอลา ไอน่า, นิโกล่า มิเลนโควิช, มูรีลโล่, อเล็กซ์ โมเรโน่ - เอลเลียตต์ แอนเดอร์สัน, เจมส์ วอร์ด-เพราส์ - แอนโธนี่ เอลังก้า, มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย - คริส วู้ด ผู้ตัดสิน : โรเบิร์ต โจนส์
เลอบรอน เจมส์ ฟอร์เวิร์ด แอลเอ เลเกอร์ส เปิดใจว่าเป็นเรื่องยากที่เขาจะมีสมาธิจดจ่ออยู่แค่การซ้อมในเมื่อเวลานี้ลูกชายคนโต บรอนนี่ เข้ามาเป็นทีมเมต มันก็อดห่วง, อดกังวลไปต่างๆนานาไม่ได้ เลเกอร์ส ดราฟต์ บรอนนี่ ในรอบสองคลาส 2024 จาก ยูเอสซี โทรยานส์ มีโอกาสวาดลวดลายในซัมเมอร์ลีกไปบ้างแต่ก็แสนธรรมดา ตอนนี้ก็กำลังจะเข้าเทรนนิ่ง แคมป์ จึงต้องมาปั้นกล้ามเนื้อ, ออกกำลังกายที่ศูนย์ฝีกพลางๆ ซึ่งเอ็มวีพี 4 สมัยยอมรับว่าอดห่วงลูกไม่ได้ แม้ใต้เครื่องแบบ ‘ม่วง-ทอง’ เป็นได้แค่ทีมเมต “สัปดาห์นี้เรากลับมาซ้อมในยิมฯกัน แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับ บรอนนี่ ได้อยู่ร่วมสนามเดียวกันฐานะนักกีฬาอาชีพ, ซ้อมด้วยกัน, ดวลกัน และเคียวเข็ญตัวเองให้พร้อมรอฤดูกาลใหม่ ” การเปิดปากผ่านพ็อดแคสต์ ‘โกโจ แอนด์ โกลิช’ “ยอมรับว่ามีเหมือนกันบางจังหวะที่เสียสมาธิ ทั้งที่ปกติเมื่อลงสนามไม่เคยวอกแว่ก” “มีบ้าง 2-3 หนที่แอบสังเกตลูกชาย, ดูเขาเตรียมตัว, ดูว่าทำอะไรหลังจากนั้น” “มันจะต้องเป็นปีที่น่าทึ่งสำหรับตัวเอง และหวังให้เป็นสำหรับลูกชายด้วย” “เรื่องที่ลูกชายบอกว่าจะไม่เรียกผมว่าพ่อในเวลางาน คุณรู้อะไรไหม? หมอนั่นมันยังไม่ปริปากอะไรออกมาเลย” “ยังไม่เรียกชื่อผมห้วนๆ ในการซ้อมบนคอร์ต ทั้งที่อุตส่าห์ล้างหูรอให้ถึงตอนนั้น” “ก็ทราบว่ามันคงมาถึงสักจุดหนึ่ง เดาไม่ออกเหมือนกันหากได้ยินจะรู้สึกยังไง” บรอนนี่ ดราฟต์ลำดับ 55 หากลงแข่งจริงบนเอ็นบีเอ พร้อม เลอบรอน ซีซั่น 2024-25 จะเป็นคู่พ่อ-ลูกแรกในประวัติศาตร์ NBA ที่แข่งบนคอร์ตเดียวกัน
สเปอร์ส แก้ตัวกลับมาชนะอีกครั้ง หลังเปิดรังทุบ เบรนท์ฟอร์ด 3-1 ในเกมที่ทีมเยือนขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีแรก ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สเปอร์ส 3 - เบรนท์ฟอร์ด 1 สนาม : ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม สเปอร์ส วาง เบรนแนน จอห์นสัน, โดมินิค โซลันกี้ และ ซน ฮึง-มิน เป็น 3 ประสานแนวรุก โดยที่ไม่มี ริชาร์ลิซอน ที่บาดเจ็บ ส่วน เบรนท์ฟอร์ด นำมาโดย ไบรอัน เอ็มเบอโม่ เริ่มเกมมานาทีแรก แฟนบอลเจ้าถิ่นต้องเงียบกริบเมื่อเป็นทางทีมเยือนที่ออกนำ 1-0 คีน ลูอิส-พ็อตเตอร์ เปิดบอลจากซ้ายเข้ากลางให้ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ วอลเลย์ด้วยซ้ายเสียบส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมงามหยด แต่นาทีที่ 8 สเปอร์ส ตามตีเสมอ 1-1 ได้เร็ว อีธาน พินน็อค จ่ายบอลพลาดเข้าทาง เจมส์ แมดดิสัน ยืงจังหวะแรก มาร์ค เฟล็คเค่น เซฟได้ แต่ โดมินิค โซลันกี้ ตามซ้ำเข้าไป สเปอร์ส แซงนำในนาที 28 จากการจ่ายบอลพลาดกลางสนามของทีมเยือน สเปอร์ส โจมตีทันที ซน ฮึง-มิน จ่ายออกขวาให้ เบรนแนน จอห์นสัน ลากเข้าไปยิงในเขตโทษอย่างเด็ดขาด ท้ายครึ่งแรกนาที 41 เบรนท์ฟอร์ด เกือบได้ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ไปปั๊มบอลแย่งกับ วิคาริโอ ก่อนจ่ายให้ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ แต่ยิงไปติดเซฟ วิคาริโอ ครึ่งหลังนาที 50 สเปอร์ส มีโอกาสลุ้นเมื่อ เจมส์ แมดดิสัน ไหลบอลเข้เาขตโทษให้ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ซัดด้วยซ้าย แต่ติดเซฟของ มาร์ค เฟล็คเค่น อีก 10 นาทีถัดมา สเปอร์ส หาโอกาสจบได้อีกครั้งจากจังหวะที่ เดยัน คูลูเซฟสกี้ จ่ายบอลให้ เบรนแนน จอห์นสัน ซัดด้วยขวาในเขตโทษ แต่ก็ยังติดเซฟของ เฟล็คเค่น ที่ออกแรงไม่น้อยในเกมนี้ นาที 85 สเปอร์ส มาได้ประตูตอกฝาโลง 3-1 จนได้จากการเล่นโต้กลับที่จบด้วย ซน ฮึง-มิน ไหลบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ เจมส์ แมดดิสัน ตามมาชิพข้ามตัว มาร์ค เฟล็คเค่น เข้าไปสวยงาม และจบเกมด้วยสกอร์นี้ รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม สเปอร์ส : กูเญลโม่ วิคาริโอ - เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน, เดสตินี่ อูโดกี - เดยัน คูลูเชฟสกี้, โรดริโก้ เบนตานกูร์, เจมส์ แมดดิสัน - เบรนแนน จอห์นสัน, โดมินิค โซลันกี, ซน ฮึง-มิน เบรนท์ฟอร์ด : มาร์ค เฟล็คเค่น - คริสตอฟเฟอร์ อาเยอร์, เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก, อีธาน พินน็อค, เนธาน คอลลินส์, คีน ลูอิส-พ็อตเตอร์ - วิตาลี่ ยาเนลท์, เยฮอร์ ยาร์โมลิอุค, มิคเคล ดัมส์การ์ด - ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่, ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ผู้ตัดสิน : จอห์น บรู๊คส์
ลิเวอร์พูล ผงาดนำจ่าฝูงได้สำเร็จ หลังเปิดรังไล่ยิง บอร์นมัธ ขาดลอย 3-0 ในเกมที่ หลุยส์ ดิอาซ ทำไป 2 ประตู ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลิเวอร์พูล 3 - บอร์นมัธ 0 สนาม : แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล สลับให้ ดาร์วิน นูนเญซ เล่นเกมรุกร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ หลุยส์ ดิอาซ โดยที่ต้องให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เฝ้าเสาแทน อาลีสซง ที่บาดเจ็บ เริ่มเกมมา 4 นาทีแรก บอร์นมัธ ส่งบอลตุงตาข่ายได้จาก อ็องตวน เซเมนโย่ ทว่าวีเออาร์เช็กว่าล้ำหน้า จึงไม่ได้ประตูออกนำเจ้าถิ่น จากนั้น ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นยิงต่อเนื่องทั้งจาก หลุยส์ ดิอาซ ในนาทีที่ 8 และ ดาร์วิน นูนเญซ นาที 15 ทว่าติดเซฟของ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นายทวารทีมเยือน เกมมีจังหวะลุ้นยิงประตูกันเรื่อยๆ จนกระทั่งนาที 26 เป็น ลิเวอร์พูล ที่เอาประตูนำ 1-0 ได้สำเร็จ อิบราฮิมา โกนาเต้ เปิดบอลยาวไปหน้าเขตโทษให้ หลุยส์ ดิอาซ วิ่งมารับบอลเกี่ยวหนี เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ที่ออกมาวืด ก่อนยิงด้วยขวาตุงตาข่าย สกอร์ขยับเป็น 2-0 ในอีก 2 นาทีถัดมา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พาบอลลุยตัดในถึงหน้าเขตโทษก่อนจ่ายทะแยงให้ หลุยส์ ดิอาซ จับแล้วยิงด้วยซ้ายผ่านมือ เกปา ตุงตาข่าย บอร์นมัธ พยายามตอบโต้คืนและได้ลุ้น 2-3 จังหวะต่อเนื่องกันจาก จัสติน ไคลเวิร์ต, เอวานิลซอน และ อ็องตวน เซเมนโย่ แต่ก็ยังไม่เป็นประตู นาที 37 เป็น ลิเวอร์พูล ทำประตูหนีห่าง 3-0 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จ่ายบอลขึ้นทางขวาให้ ดาร์วิน นูนเญซ ลากจี้จนเข้าเขตโทษแล้วล็อกยิงด้วยซ้าย ส่งบอลลอยโด่งเข้าเสาไกลสวยงาม ครึ่งหลังนาที 56 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูที่สี่ หลุยส์ ดิอาซ จ่ายบอลให้ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ตั้งป้อมซัดหน้าเขตโทษ บอลส่ายเล็กน้อย แต่ยังไม่มากพอที่จะผ่านมือ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นาที 71 ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นได้ประตูเมื่อ โม ซาลาห์ ได้บอลในเขตโทษฝั่งขวาก่อนโยกแล้วเปิดยัดเข้ากลาง เกปา ปัดได้บอลเด้งเข้าทาง ดาร์วิน นูนเญซ ซัดจ่อๆ หลาเดียว ทว่าไปติดตัวคุมเส้น อีก 2 นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล หาโอกาสจบได้อีกเมื่อ ไรอัน กราเฟนแบร์ค โหม่งดักบอลไปให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ตัวใหม่ที่เพิ่งลงสำรอง ได้หมุนตัวยิงหน้าเขตโทษ บอลเข้ากรอบ แต่ไม่ห่าง เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ที่รับเอาไว้ได้ เคียซ่า พลาดมีชื่อบนสกอร์อีกครั้งในนาที 78 เมื่อรับบอลยาวในเขตโทษก่อนชิ่งให้ -- ที่ชิ่งคืนอีกที เคียซ่า จึงได้กดด้วยซ้ายผ่านมือ เกปา ไปแล้ว ทว่าบอลไปชนเสาอย่างจัง นาที 82 บอร์นมัธ เกือบตีไข่แตกเมื่อ หลุยส์ ซินิสเทอร์ร่า รับบอลจาก มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ ก่อนลุยไปซัดมุมแคบฝั่งซ้าย ควีวิน เคลเลเฮอร์ ต้องปัดทิ้งออกหลัง และจากจังหวะเตะมุม หลุยส์ ซินิสเทอร์ร่า ได้โหม่ง แต่บอลชนคาน ก่อนเด้งชนขา เทรนท์ แล้วติดเซฟ เคลเลเฮอร์ อีกที จากนั้นจบเกม ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายเอาชนะ บอร์นมัธ 3-0 เก็บชัยชนะนัดที่ 4 จาก 5 นัดในลีก พร้อมกับนำจ่าฝูงชั่วคราวด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า แมนฯ ซิตี้ ซึ่งจะเจอ อาร์เซน่อล วันอาทิตย์ รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล : ควีวิน เคลเลเฮอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน - ไรอัน กราเฟนแบร์ค, อล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โดมินิก โซบอสไล, หลุยส์ ดิอาซ - ดาร์วิน นูนเญซ บอร์นมัธ : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - ฮูเลียน อาเราโฮ, อิลลิยา ซาบาร์นี่, ดีน ฮุยเซ่น, มิลอส เคอร์เคซ - ไรอัน คริสตี้, ลูอิส คุ๊ก - อ็องตวน เซเมนโย่, จัสติน ไคลเวิร์ต, มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ - เอวานิลซอน ผู้ตัดสิน : โทนี่ แฮร์ริงตัน
"ค้างคาวไฟ"คืนชีพ เปิดบ้านถล่ม "ลำพูน" 4-0 ฟุตบอลรีโว่ ไทยลีก 2024/2023 นัดที่ 7 สุโขทัย เอฟซี เปิดบ้านพบ ลำพูน วอริเออร์ เริ่มเกมมา นาทีที่ 8 เจ้าถิ่นขึ้นนำ สิโรจน์ ฉัตรทองเปิดเข้าไป กองหลังทีมเยือนสกัดออกมา ทัศนพงศ์ หมวดดารักษ์โหม่งกลับไปบอลเลยมาถึง ศฤงคาร พรมสุภะ หลุดเข้าเขตโทษไปยิงยัดเสาเข้าไปตุงตาข่าย นาทีที่ 17 สุโขทัย หนีเป็น 2-0 จากจังหวะฟรีคิกเล่นเร็วของ เลอสันต์ เทียมราช ตักไปให้ จอห์น บาจโจ้ หลุดขึ้นมาทางขวา แล้วเปิดเรียดไปให้ มาเธอุส ลิม่า วิ่งมายิงเข้าไป จบครึ่งแรก สุโขทัย ขึ้นนำ 2-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 50 สุโขทัยมาบวกเพิ่มอีกลูก เมื่อ มาเธอุส ลิม่า ได้หลุดขึ้นมาทางขวา แล้วเปิดไปในเขตโทษ จอห์น บาจโจ้ วิงมายิงสวนตัว กรพัฒน์ นารีจันทร์ นายด่านทีมเยือนเข้าไป นาทีที่ 90+5 สุโขทัยหนีห่างเป็น 4-0 เมื่อ จอห์น บาจโจ้ หลุดขึ้นมาทางขวา แล้วเปิดไปที่เสาสอง จักรพงษ์ ผลมาตย์ จับบอลลงนิ่มๆ ก่อนซัดเข้าไป จบเกม สุโขทัย เอฟซี เปิดบ้านถล่ม ลำพูน วอริเออร์ 4-0 รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม สุโขทัย เอฟซี : กิตติพันธ์ แสนสุข (GK) , สุรวิช โลกาวิทย์ , สราวุธ กัลยาณบัณฑิต , ศฤงคาร พรมสุภะ , อดิศักดิ์ สีบุญมี (ภราดร พัฒนะพล น.90) , ทัศนพงศ์ หมวดดารักษ์ (อนุชิต เงินบุคคล น.83) , เลอสันต์ เทียมราช , อภิชาติ เด็นหมาน (อับดุลฮาฟิส บือราเฮง น.90) , สิโรจน์ ฉัตรทอง (จักรพงษ์ ผลมาตย์ น.64) , จอห์น บาจโจ้ , มาเธอุส ลิม่า (มาเธอุส ผอร์ซานารี น.83) ลำพูน วอริเออร์ : กรพัฒน์ นารีจันทร์ (GK) , เอ็นริเก้ เฟอร์นานเดซ , วิคตอร์ คาร์โอโซ่ , นพพล เกิดแก้ว , ธีรวุธ ชูโลก , อัครพงศ์ พุ่มวิเศษ , โจฮานเนส เก็กโคเน็น , โมฮัมเม็ด ออสมัน , อนันต์ ยอดสังวาลย์ (ตะวัน โคตรสุโพธิ์ น.76), กิลเยเม่ เนเกบา , เจฟเฟอร์สัน เอสตาซิโอ้ (เอสซิโอ้ บาติสต้า น. 69)