เว็บรวมคาสิโนออนไลน์ครบทุกค่าย แจกเครดิตฟรีให้ทดลองเล่น

Full Version: มิได้เจตนาองุ่นเปรี้ยว! บทพิสูจน์...ดาร์วิน นูนเญซ!!
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
[Image: column202206141112294.jpg]

ถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล ยังไม่เปิดตัวกองหน้าคนใหม่ของตัวเองอย่างเป็นทางการนะครับ

แต่หากไม่มีอะไรผิดพลาดระดับฟ้าถล่มและแผ่นดินทลาย

ดาร์วิน นูนเญซ จะบรรจงกระทืบสถิติผู้เล่นที่ ลิเวอร์พูล เคยซื้อตัวมาในราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรจนยับเยิน ด้วยค่าตัวรวมทั้งหมดประมาณ 85 ล้านปอนด์ ในอีกไม่นานเกินรอ

...ว่าแล้วขอแสดงความยินดีกับพวกพรี่ๆ อย่างจริงใจมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ถามว่าดาวเตะวัย 22 กะรัตผู้นี้จะ "สอบผ่าน" หรือเปล่า ???

อืมมมมม...นะ

ไอ้ที่ต้องตั้งคำถามแบบนี้ มิได้มีเจตนาจะองุ่นเปรี้ยวหรือกวนตีนอะไรพวกพรี่ๆ นะครับ

แต่เพราะในฐานะของ "เฟรชชี่พรีเมียร์ลีก" ดาร์วิน นูนเญซ จะต้องเจอการ "รับน้อง" ที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม

เมื่อต้องเล่นในสมรภูมิแข้งที่มีอัตราความฮาร์ดคอร์สูงที่สุดในเมืองมนุษย์ เขาย่อมปะทะเดือดกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เขาจะต้องเจอกับกองหลังที่คุณภาพมากกว่าเดิม และแตกต่างจากตอนชำเราคู่แข่งในลีกโปรตุเกสแน่นอน

ก่อนวิเคราะห์หาคำตอบ ผมอยากให้ทุกท่านดูการซื้อตัวผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล จากการทำงานของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2015

[Image: gettyimages-1240514690-594x594(1).jpg]

ฤดูกาล 2015-16: มาร์โก กรูยิช

ฤดูกาล 2016-17: ซาดิโอ มาเน่, ลอลิส คาริอุส, โฌแอล มาติ๊ป, รักนาร์ คลาวาน, จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม, อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ (นายทวารสำรอง) และโดมินิค โซลันกี้

ฤดูกาล 2017-18: โม ซาล่าห์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

ฤดูกาล 2018-19: นาบี เกอิต้า, ฟาบินโญ่, เซอร์ดาน ชากีรี่ และอลิสซง เบ็คเกอร์

ฤดูกาล 2019-20: ฮาวี่ย์ เอลเลียตต์, อาเดรียน และทาคูมิ มินามิโนะ

ฤดูกาล 2020-21: คอสตาส ซิมิกาส, ติอาโก้ อัลคันตาร่า, ดิโอโก้ โชต้า และเบน เดวิส

ฤดูกาล 2021-22: อิบราฮิมา โกนาเต้ และลุยส์ ดิอาซ

[Image: gettyimages-1277391388-594x594.jpg]

อนึ่ง นี่ยังไม่ได้รวมผู้เล่นใหม่ล่าสุดอย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ กับ ดาร์วิน นูนเญซ และไม่ได้นับตัวผู้เล่นประเภท "ปลาซิว-ปลาสร้อย" ที่ได้มาแบบฟรีๆ หรือนักเตะเยาวชนที่เสียเงินซื้อมาเพื่ออนาคตมากกว่าปัจจุบันนะครับ

ผู้เล่นชุดใหญ่ทั้ง 25 คนนี้ที่สับตีนมาสวมเครื่องนุ่งห่มหงส์แดงในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ ถามว่ามีผู้เล่นคนใดที่นำมาซึ่งความน่าผิดหวังบ้าง ???

มาร์โก กรูยิช คือผู้เล่นคนแรกที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กระชากมาจาก เรด สตาร์ เบลเกรด ด้วยค่าตัว 5.1 ล้านปอนด์ แต่มิดฟิลด์ชาวเซอร์เบียผู้นี้ไม่เคยลงตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล เลยสักนัดเดียวจนต้องถูกปล่อยยืม

ถือเป็นการซื้อตัวที่ผิดพลาดหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะสุดท้ายก็ยังอุตส่าห์ขายให้ ปอร์โต้ ได้ราคาถึง 10 ล้านปอนด์

รักนาร์ คลาวาน เซ็นเตอร์แบ็คชาวเอสโตเนียค่าตัว 4.2 ล้านปอนด์ เขาจับคู่กับ โฌแอล มาติ๊ป ในยุคแรกๆ ในการสร้างทีมใหม่ของ "เจเค" โดยลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปทั้งหมด 39 นัด บนความไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ก่อนถูกปล่อยตัวให้ กายารี่

โดมินิค โซลันกี้ ย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว คือกองหน้าดาวรุ่งพุ่งกระฉูดแตก ผลผลิตของ เชลซี ที่โด่งดังกับทีมชาติอังกฤษชุดเล็ก

เขาลงเล่นเป็นตัวจริงให้ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกแค่ 5 นัด สำรอง 16 นัด ยิงได้แค่ 1 ประตู

สุดท้ายก็ยังอุตส่าห์ขายให้ บอร์นมัธ ได้ค่าตัวมา 17 ล้านปอนด์-คิดเอา

[Image: gettyimages-924937780-594x594.jpg]

ลอลิส คาริอุส นายทวารหนุ่มรูปงามราวเทพบุตรที่กุนซือหงส์แดงหนีบมาจากทีมเก่าที่ตัวเองเคยเป็นกุนซืออย่าง ไมนซ์

หน่วยก้านดี แต่เจอของจริงแล้วเฟอะฟะไปไม่หน่อย

เซอร์ดาน ชากีรี่ อาจไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นให้ ลิเวอร์พูล มากนัก กระนั้นก็ไม่ถึงกับน่าเกลียดอะไร

ดาวเตะสายพันธุ์ปลาดิบอย่าง ทาคูมิ มินามิโนะ ก็ไม่ถึงกับน่าผิดหวังอะไรมากมาย แค่ไม่ค่อยได้รับโอกาสในการลงเล่นสักเท่าไหร่ ขณะที่ฟอร์มการเล่นโดยรวมของ นาบี เกอิต้า ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายอะไรขนาดนั้น

ผู้เล่นที่น่าผิดหวังจริงๆ สำหรับเด็กหงส์ทุกหมู่เหล่าน่าจะเป็นเจ้าของสมญา "ช่างเชื่อม" อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่คว้ามาจาก อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์

หลังไตร่ตรองดูแล้วก็คงจะมีแค่ ลอลิส คาริอุส กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เท่านั้นที่ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลว

ส่วนผู้เล่นในแผนกกองหน้าที่กระชากมาแล้วไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ก็คือ โดมินิค โซลันกี้ แต่ก็สามารถให้อภัยกันได้ เพราะไม่ได้ลงทุนอะไรเลย แถมยังทำกำไรเข้าสโมสรมหาศาล

จึงพอจะสรุปได้ว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ถูกกระชากตัวเข้ามาในยุคของกุนซือกะโปกเหล็กชาวเยอรมัน ไม่เพียงแต่จะสอบผ่าน ยังแสดงถึงความคุ้มค่า เฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ซื้อมาด้วยค่าตัวมหาศาลอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อลิสซง เบ็คเกอร์

ขณะกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล มีเกมรุกที่ดุดันกะซวกไส้อย่าง ซาดิโอ มาเน่ กับ โม ซาล่าห์ ก็ซื้อมาในราคาที่ถือว่าถูกมาก แค่คนละ 30 กว่าล้านปอนด์เท่านั้นเอง

[Image: gettyimages-1400617466-594x594.jpg]

ไอ้ที่ผมขุดเอามาให้ดูทั้งยวงแบบนี้ เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าสายตาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในการมองนักเตะนั้นมีความแหลมคมดุจเนตรอินทรีมากขนาดไหน

แถวบ้านเรียก "มองขาด" นะครับ

เฉพาะอย่างยิ่งผู้เล่นค่าตัวมหาศาลที่โยกตูดมาพร้อมความคาดหวังอันสูงส่ง

ดังฉะนั้น หากพวกพรี่ๆ เชื่อมั่นในสายตาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็สบายใจได้ในระดับหนึ่งกับการทำลายสถิติผู้เล่นค่าตัวแพงที่สุดในประวัติสโมสรอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ

อย่างไรก็ตาม

ของแบบนี้ไม่มีอะไรแน่นอน

ในฐานะหัวหอกตัวเป้าผู้มีหน้าหลักคือถล่มตาข่ายให้สิ้นซาก ดาวยิงชาวอุรุกวัยวัย 22 ผู้นี้จะเจอการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากบรรดาคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกเป็นอันดับแรก และบางทีค่าตัวที่มหาศาลอาจทำให้เขากดดันตัวเองจนนึกถึงคำพูดของ "หมู่เชียร" แห่งภาพยนตร์เรื่องนั้น - 2499 อันธพาลครองเมือง

"ที่นี่แม่งเถื่อน ถ้าไม่แน่จริง...อยู่ไม่ได้"

สิ่งที่ต้องเจอแน่ๆ คือคุณภาพของคู่แข่งที่สูงขึ้น บวกด้วยสไตล์การเล่นอันหนักหน่วงและรวดเร็วมากกว่าในลีกที่ตัวเองเคยค้าแข้ง

[Image: gettyimages-1389826415-594x594(1).jpg]

ที่แน่ๆ คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเลือกซื้อตัวผู้เล่นที่ตรงตามปรัชญาลูกหนังของตัวเอง คือ "เฮฟวี่ เมทั่ล ฟุตบอล" เท่านั้น

ผู้เล่นในหน่วยล่าสังหาร นอกจากจะต้องมีความรวดเร็วและคล่องตัวแล้ว ยังต้องขยัน ทุ่มเท มีวินัย และใฝ่คุณธรรม สามารถเล่นเกมรับตั้งแต่ในแดนคู่แข่ง เพราะวิธีการเล่นแบบ "เคาน์เตอร์เพรสซิ่ง" ของเครื่องจักรสีแดงผู้อหังการคือพุ่งเข้าบดบี้คู่แข่งแบบเป็นหมู่คณะ ก่อนจู่โจมแบบสายฟ้าฟาด

จุดเด่นของ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมสังเกตเห็นจาก 2 เกมที่ปะทะ ลิเวอร์พูล ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คือเขาเป็นกองหน้ามีความสามารถเฉพาะตัวสูง ครองบอลได้ และไปกับบอลดี จัดเป็นกองหน้าสมัยใหม่ มิใช่หัวหอกรุ่นโบราณที่คอยพุ่งเข้าชาร์จในกรอบเขตโทษอย่างเดียว

ดาร์วิน นูนเญซ คือดาวซัลโวของ โปรตุกีส ลีกา เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการตะบันไป 26 ประตู จุดนี้ขอข้ามไปเลยนะครับ ด้วยเหตุผลเรื่องคุณภาพของลีกเมืองขนมฝอยทอง และที่น่าสนใจมากกว่าคือสถิติการถล่มตาข่ายในศึกใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่กระทุ้งไป 6 ประตู ช่วยให้ "เหยี่ยวลิสบอน" ทะลุเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ยิง บาร์เซโลน่า 2 ประตู ในเกมชนะ 3-0 รอบแบ่งกลุ่ม

ยิง บาเยิร์น มิวนิค 1 ประตู ในรอบแบ่งกลุ่ม

ยิง อาแจ็กซ์ 1 ประตู และเป็นประตูชัยในรอบ 16 ทีมสุดท้ายซะด้วย

และยิง ลิเวอร์พูล 2 ประตู ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

[Image: gettyimages-1239965179-594x594(2).jpg]

ทุกทีมที่โดนเขายิงล้วนไม่ธรรมดา

เชื่อว่าฟอร์มการเล่นในเกมปะทะหงส์แดงนี่แหละที่เข้าไปอยู่ในสายตาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แบบเต็มๆ จนให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า...เด็กคนนี้เป็นของดีจริงๆ

ฤดูกาลหน้า ดาร์วิน นูนเญซ จะเล่นเป็นตัวหลักในตำแหน่งหน้าเป้าของหงส์แดงยุคปรับปรุงใหม่อีกครั้งขนาบข้างด้วย โม ซาล่าห์ และ ลุยส์ ดิอาซ

คู่แข่งในทีมที่ต้องแย่งตำแหน่งกันคือ "กองหน้าตัวปลอม" (False9) อย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ระยะหลังหลุดจากตำแหน่งตัวจริงอย่างถาวรไปแล้ว

คู่แข่งอีกคนหนึ่งคือ ดิโอโก้ โชต้า ที่เล่นได้ทั้งกองหน้ากึ่งปีก และหน้าเป้า

ด้วยรูปแบบการเล่นของ ลิเวอร์พูล ที่เกมรุกดุดันกะซวกไส้ดีนักแล และด้วยคุณภาพโดยรวมของ เรด แมชชีน ที่มีตัวเปิดป้อนทางด้านข้างอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

ข้อบกพร่องของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลที่ผ่านพ้นจนทำให้ 4 แชมป์ของพวกเขาลดเหลือแค่ 2 แชมป์ คือไม่สามารถยัดเยียดความปราชัยให้คู่แข่งคุณภาพคับตูดอย่าง แมนฯ ซิตี้, เชลซี, สเปอร์ส และเรอัล มาดริด

ต่อเมื่อมีกองหน้าระดับตีนพระกาฬคนใหม่อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ จึงสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า ลิเวอร์พูล จะมีเกมรุกที่ทรงประสิทธิ์ภาพมากขึ้น

แต่บทพิสูจน์ของจริงอยู่บนฟลอร์หญ้า

เมื่อไหร่ ฤดูกาล 2022-23 มันจะเปิดสักทีวะ ???